=
การดูหนัง เป็นวิธีหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันหนังก็อาจสร้างความเข้าใจผิดๆ ให้กับผู้ชม จนทำให้เราเหมารวมว่าชีวิตจริงในอเมริกานั้นก็เหมือนกับในหนังที่เราดู วันนี้พี่ๆ OEG จะขอยกตัวอย่างเรื่องที่อาจสร้างความเข้าใจผิดจากหนังชีวิตเด็กไฮสคูลในอเมริกา มาให้อ่านกันค่ะ
1. การแบ่งพรรคแบ่งพวก
ในหนัง : สังคมไฮสคูลอเมริกัน มักจะมีการแบ่งกลุ่มกันอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าถ้าไม่อยู่ในจำพวกเดียวกัน หรือคนละชนชั้นกันก็แทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันเลย หรือมีปัญหาขัดแย้งกันไปเลยก็ว่าได้ เช่น กลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ ที่มักจะเป็นดาวเด่นของโรงเรียน ต้องสวย เชิด หยิ่ง ไม่แคร์ใคร กลุ่มนักกีฬาที่ต้องมีมาดกวนๆ ฐานะร่ำรวย ชอบแกล้งเพื่อนๆกลุ่มเนิร์ด ที่ใส่แว่นตา เป็นเด็กเรียน และกลุ่มอันธพาลประจำโรงเรียน ที่มีหัวหน้าแก๊งค์ฉลาด แต่ลูกสมุนสุดเปิ่น
ในชีวิตจริง : การแบ่งกลุ่มนั้นไม่ได้มีบุคลิก นิสัย ตามแบบที่หนังกำหนดไว้เสมอไป ซึ่งบางครั้งหนังก็สร้างไว้ให้เกินจริง เพื่ออรรถรสในการรับชมเท่านั้นเอง ฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าไปเรียนที่อเมริกาแล้วจะไม่มีเพื่อนหรือจะถูกแกล้งนะคะ
2. เปิดบ้านปาร์ตี้ทั้งคืน
ในหนัง : วัยรุ่นฝรั่งชอบจัดปาร์ตี้หลังเลิกเรียนบ่อยมาก โดยเฉพาะสถานที่จัดงานนั้นมักจะเป็น “บ้าน” ของใครคนใดคนหนึ่งที่รวยมาก และทุกคนจะมารวมตัวปาร์ตี้กันแบบสุดมันส์ ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละกลุ่มก็ตาม เหมือนรวมคนมาทั้งโรงเรียน (ซึ่งขัดแย้งจากข้อแรกมาก) และบ้านของเจ้าภาพจะต้องใหญ่โต มีสระว่ายน้ำ ปาร์ตี้กันแบบเมามาย สภาพบ้านเละเทะไปหมด แถมยังเข้านอกออกในห้องต่างๆ ได้อย่างสบายๆ อีกด้วย
ในชีวิตจริง : เด็กอเมริกันชอบจัดปาร์ตี้จริงค่ะ แต่จะเน้นเป็นโอกาสๆ มากกว่า เช่น ปาร์ตี้ฮาโลวีน ปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้ฉลองปิดเทอม ปาร์ตี้ฉลองแข่งกีฬาชนะ หรือจัดตามเทศกาลต่างๆ มักจะเป็นการพูดคุยสังสรรค์ มีเปิดเพลงบ้าง และมีมารยาทกับเจ้าของบ้านมากกว่าในหนัง ที่สำคัญ เด็กปาร์ตี้ไฮสคูลไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ เพราะว่าอายุยังไม่ถึงค่ะ
3. โรงเรียนในอเมริกาอิสระที่สุด
ในหนัง : ชีวิตการเรียนของเด็กไฮสคูลอเมริกันในหนัง ดูเหมือนวันๆ ไม่มีเรียน แทบจะไม่เห็นฉากคุณครูเลยด้วยซ้ำ นักเรียนแต่งตัวอย่างไรก็ได้ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระเสรี และชีวิตก็ดูไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ
ในชีวิตจริง : โรงเรียนในอเมริกาเองก็มีกฎระเบียบเช่นกัน และทุกคนก็ต้องเคารพกติกา ให้ความสำคัญในเรื่องตรงต่อเวลา รับผิดชอบต่อการบ้านที่ทำและงานก็ต้องมีคุณภาพด้วยเช่นกัน แตกต่างจากโรงเรียนในไทยตรงที่คาบเรียนในอเมริกาจะน้อยกว่า และเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียน ค้นคว้าอิสระในด้านที่นักเรียนสนใจโดยมีครูเป็นที่ปรึกษา
อยากไปเรียนเมืองนอกต้องทำยังไง?
ประเทศไหนที่เหมาะกับเรา?
ทำไมต้องโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน?
อยากรู้ สมัครเลย!
